สวัสดีครับ ตอนนี้ผมตกต่ำมากๆครับ อยากระบาย
อันดับแรกผมอายุ21ปีครับ ผมมีพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด เเต่พ่อแม่ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพฯตั้งแต่ยังไม่เกิด ตอนเด็กที่บ้านผมฐานะค่อนข้างดีมากครับ ผมถูกตามใจมาตลอด ด้วยความเป็นลูกคนเล็ก ผมเอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้ ตอนป.1 ป.2 ผมคิดว่าผมคงเป็นคนเดียวในโรงเรียนที่มีเเบงค์พัน แบงค์500ในกระเป๋า (เมื่อสิบกว่าปีก่อน). เเม้เเต่ตอน ป.3 แม่ยังให้พี่เลี้ยงมาเฝ้าผมที่รร.อยู่เลย
ตอนป.5 ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนครับ บ้านผมเริ่มเเย่ คือ เริ่มทะยอยขายที่ดิน เเต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรตามประสาเด็ก ชีวิตผมก็ยังสุขสบายเหมือนเดิม
พ่อแม่ผมเริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น จากที่เคยมีความสุข สนุกสนาน ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน กลายเป็นว่าเราเริ่มเหินห่าง ไม่มีเวลาให้กัน ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกัน
ต่อมาพ่อแม่ผมเเยกกันอยู่ โดยที่ผมกับพี่สาว ย้ายออกจากบ้านมากับแม่ แต่ไม่กี่เดือนพ่อกับแม่ก็คืนดีกัน โดยที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหม่ เป็นบ้านจัดสรร2ชั้น ธรรมดา ไม่มีสนาม ไม่มีบ่อปลา ไม่มีคนใช้. ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย มีแค่ทีวี1เครื่อง กับพัดลม2ตัว พระเครื่องอีก2-3ชุด ที่เเม่เอามาด้วยแต่ทีเเรก
บ้าน รถ ที่ดิน ทรัพย์สินทุกอย่าง หายไปอย่างกับล่องหนได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทุกข์ทรมาน หรืออยากกลับไปรวยเหมือนเดิมนะ. แต่ชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะ
ต้องย้ายโรงเรียน สังคม เพื่อน ชีวิตเปลี่ยนไปหมด ต้องนั่งรถเมล์ไปเรียนเอง ต้องทำทุกอย่างเอง. ต้องรับผิดชอบตัวเองหมด ทั้งๆที่ไม่เคยทำอะไรเลย
การเรียนผมก็ถดถอยลงไปเรื่อยๆ จากเคยได้ที่1ที่2. แต่พอขึ้น มัธยมฯก็รั้งท้าย รอซ่อมตลอด ผมเริ่มไม่ชอบการเรียนเท่าไหร่ เเละช่วงวัยนี้ผมกำลังติดเพื่อนมาก แต่พวกเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด ผมไม่เคยเเตะต้องสักครั้ง. ทั้งที่เพื่อนผมดูดบุหรี่กันทุกคน
ตอนใกล้จะจบม.3 ผม เลยได้รู้ว่า พ่อแม่ผมได้จดทะเบียนหย่ากันเเล้วด้วยความบังเอิญที่ผมไปรื้อหาเอกสาร แล้วดันไปเจอ. ผมเสียใจครับแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ไม่ได้พูดอะไร ไม่คิดอะไรเหมือนเเค่ผมรับรู้เฉยๆ
พอผมจบ ม.3 ผมได้เข้าเรียนที่ วิทยาลัยเเห่งนึง ที่มีชื่อเสียง เเละค่าเทอมค่อนข้างสูง. ในช่วงนี้ บ้านผมก็เริ่มมีปัญหาอีก คือ ร้านอาหารที่แม่ผมทำอยู่ในตอนนั้นก็ขาดทุนเรื่อยๆ พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันอีก
จนคราวนี้ พ่อกับแม่ผมเลิกกันจริงๆ เซ้งร้าน แล้วพาผมมา ซื้อทาวน์เฮาโทรมๆอยู่ ส่วนพ่อแม่ก็ห้ามผมติดต่อ ผมเรียนได้ปีเดียว เงินในบัญชี แสนสุดท้ายก็หมด เพราะเงินที่เซงร้านมา แม่ผมก็เอามาเปิดร้านข้าวมันไก่, ใช้หนี้ ,โดนโกงอีก.
จากนั้นผมขึ้น ปวช.ปี2 การไปเรียนของผม มันยากไร้ เเร้งแคล้น มาก ไม่ค่อยมีเงินติดตัว ในขนาดที่เพื่อนคนอื่น มีเงิน รวย เป็นดารา แต่ผมไม่มีอะไรเลย เวลาไปทำกิจกรรมข้างนอก ต้องอดข้าวเพื่อเก็บเงินไป. มันเลยเริ่มเป็นเหตุผลให้ผมไม่อยากไปเรียนครับ.
แม่ผมเลยตัดสินใจ ไปทำงานกับป้าที่ต่างประเทศ ให้ผมอยู่บ้านกับพี่สาว2คน
ผมไม่ชอบการนั่งเรียน ไปมั้งไม่ไปมั้ง ไปก็ไปสาย จนการเรียนของผมมีปัญหาสะสมทำงานส่งไม่ทัน. ผมเคยไม่ไปเรียนติดต่อกันไปอาทิตย์ แม่ผมรู้เรื่องตอนเมล์ไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา
แม่เลยจัดการให้ผมย้ายไปอยู่กับยายที่ต่างจังหวัด โอนหน่วยกิตให้ไปเรียนที่นั่น แต่ผมมันหัวไม่ดี ปรับตัวไม่ทันกับเพื่อนใหม่ ที่เรียนใหม่
ผมเลยขาดเรียนบ่อย บางวันผมขี่มอไซค์ออกจากบ้านเเต่เช้า ไปนั่งอยู่ศาลาข้างทางคนเดียวจนค่ำ แล้วค่อยกลับ
คราวนี้เเม่ผมก็รู้เรื่องอีก ผมเลยบอกไปตรงๆว่าผมไม่เรียนแล้ว (ซึ่งผมคิดผิดมากที่ทำแบบนี้). ทุกคนห้าม ทุกคนสอนแต่ผมไม่ฟัง. ผมทะเลาะกับแม่ ทะเลาะกับน้า ยาย พี่สาว แม้เเต่พี่สาวแต่งงานผมก็ไม่ได้ไปงาน
ผมรวบรวมเงินที่แม่โอนให้ทุกเดือน ได้2หมื่นกว่า. เเล้วบอกที่บ้านว่าผมจะไปทำงานกับเพื่อนที่อีก จังหวัด ทั้งๆที่ตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าจะไปไหน จะไปทำอะไร จะออกจากบ้านทำไม?
แต่ผมก็เก็บเสื้อผ้า ออกเดินทาง......
ปล. เดี๋ยวมาต่อนะครับ
ผมผิดพลาด ผมหมดหนทาง ผมทำไงดีครับ
อันดับแรกผมอายุ21ปีครับ ผมมีพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด เเต่พ่อแม่ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพฯตั้งแต่ยังไม่เกิด ตอนเด็กที่บ้านผมฐานะค่อนข้างดีมากครับ ผมถูกตามใจมาตลอด ด้วยความเป็นลูกคนเล็ก ผมเอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้ ตอนป.1 ป.2 ผมคิดว่าผมคงเป็นคนเดียวในโรงเรียนที่มีเเบงค์พัน แบงค์500ในกระเป๋า (เมื่อสิบกว่าปีก่อน). เเม้เเต่ตอน ป.3 แม่ยังให้พี่เลี้ยงมาเฝ้าผมที่รร.อยู่เลย
ตอนป.5 ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนครับ บ้านผมเริ่มเเย่ คือ เริ่มทะยอยขายที่ดิน เเต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรตามประสาเด็ก ชีวิตผมก็ยังสุขสบายเหมือนเดิม
พ่อแม่ผมเริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น จากที่เคยมีความสุข สนุกสนาน ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน กลายเป็นว่าเราเริ่มเหินห่าง ไม่มีเวลาให้กัน ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกัน
ต่อมาพ่อแม่ผมเเยกกันอยู่ โดยที่ผมกับพี่สาว ย้ายออกจากบ้านมากับแม่ แต่ไม่กี่เดือนพ่อกับแม่ก็คืนดีกัน โดยที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหม่ เป็นบ้านจัดสรร2ชั้น ธรรมดา ไม่มีสนาม ไม่มีบ่อปลา ไม่มีคนใช้. ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย มีแค่ทีวี1เครื่อง กับพัดลม2ตัว พระเครื่องอีก2-3ชุด ที่เเม่เอามาด้วยแต่ทีเเรก
บ้าน รถ ที่ดิน ทรัพย์สินทุกอย่าง หายไปอย่างกับล่องหนได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทุกข์ทรมาน หรืออยากกลับไปรวยเหมือนเดิมนะ. แต่ชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะ
ต้องย้ายโรงเรียน สังคม เพื่อน ชีวิตเปลี่ยนไปหมด ต้องนั่งรถเมล์ไปเรียนเอง ต้องทำทุกอย่างเอง. ต้องรับผิดชอบตัวเองหมด ทั้งๆที่ไม่เคยทำอะไรเลย
การเรียนผมก็ถดถอยลงไปเรื่อยๆ จากเคยได้ที่1ที่2. แต่พอขึ้น มัธยมฯก็รั้งท้าย รอซ่อมตลอด ผมเริ่มไม่ชอบการเรียนเท่าไหร่ เเละช่วงวัยนี้ผมกำลังติดเพื่อนมาก แต่พวกเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด ผมไม่เคยเเตะต้องสักครั้ง. ทั้งที่เพื่อนผมดูดบุหรี่กันทุกคน
ตอนใกล้จะจบม.3 ผม เลยได้รู้ว่า พ่อแม่ผมได้จดทะเบียนหย่ากันเเล้วด้วยความบังเอิญที่ผมไปรื้อหาเอกสาร แล้วดันไปเจอ. ผมเสียใจครับแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ไม่ได้พูดอะไร ไม่คิดอะไรเหมือนเเค่ผมรับรู้เฉยๆ
พอผมจบ ม.3 ผมได้เข้าเรียนที่ วิทยาลัยเเห่งนึง ที่มีชื่อเสียง เเละค่าเทอมค่อนข้างสูง. ในช่วงนี้ บ้านผมก็เริ่มมีปัญหาอีก คือ ร้านอาหารที่แม่ผมทำอยู่ในตอนนั้นก็ขาดทุนเรื่อยๆ พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันอีก
จนคราวนี้ พ่อกับแม่ผมเลิกกันจริงๆ เซ้งร้าน แล้วพาผมมา ซื้อทาวน์เฮาโทรมๆอยู่ ส่วนพ่อแม่ก็ห้ามผมติดต่อ ผมเรียนได้ปีเดียว เงินในบัญชี แสนสุดท้ายก็หมด เพราะเงินที่เซงร้านมา แม่ผมก็เอามาเปิดร้านข้าวมันไก่, ใช้หนี้ ,โดนโกงอีก.
จากนั้นผมขึ้น ปวช.ปี2 การไปเรียนของผม มันยากไร้ เเร้งแคล้น มาก ไม่ค่อยมีเงินติดตัว ในขนาดที่เพื่อนคนอื่น มีเงิน รวย เป็นดารา แต่ผมไม่มีอะไรเลย เวลาไปทำกิจกรรมข้างนอก ต้องอดข้าวเพื่อเก็บเงินไป. มันเลยเริ่มเป็นเหตุผลให้ผมไม่อยากไปเรียนครับ.
แม่ผมเลยตัดสินใจ ไปทำงานกับป้าที่ต่างประเทศ ให้ผมอยู่บ้านกับพี่สาว2คน
ผมไม่ชอบการนั่งเรียน ไปมั้งไม่ไปมั้ง ไปก็ไปสาย จนการเรียนของผมมีปัญหาสะสมทำงานส่งไม่ทัน. ผมเคยไม่ไปเรียนติดต่อกันไปอาทิตย์ แม่ผมรู้เรื่องตอนเมล์ไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา
แม่เลยจัดการให้ผมย้ายไปอยู่กับยายที่ต่างจังหวัด โอนหน่วยกิตให้ไปเรียนที่นั่น แต่ผมมันหัวไม่ดี ปรับตัวไม่ทันกับเพื่อนใหม่ ที่เรียนใหม่
ผมเลยขาดเรียนบ่อย บางวันผมขี่มอไซค์ออกจากบ้านเเต่เช้า ไปนั่งอยู่ศาลาข้างทางคนเดียวจนค่ำ แล้วค่อยกลับ
คราวนี้เเม่ผมก็รู้เรื่องอีก ผมเลยบอกไปตรงๆว่าผมไม่เรียนแล้ว (ซึ่งผมคิดผิดมากที่ทำแบบนี้). ทุกคนห้าม ทุกคนสอนแต่ผมไม่ฟัง. ผมทะเลาะกับแม่ ทะเลาะกับน้า ยาย พี่สาว แม้เเต่พี่สาวแต่งงานผมก็ไม่ได้ไปงาน
ผมรวบรวมเงินที่แม่โอนให้ทุกเดือน ได้2หมื่นกว่า. เเล้วบอกที่บ้านว่าผมจะไปทำงานกับเพื่อนที่อีก จังหวัด ทั้งๆที่ตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าจะไปไหน จะไปทำอะไร จะออกจากบ้านทำไม?
แต่ผมก็เก็บเสื้อผ้า ออกเดินทาง......
ปล. เดี๋ยวมาต่อนะครับ